จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็น...

สรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...

จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็น...

จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็น...

สรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็น...

จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...

สรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...

สรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...

จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...

จากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นสรุปมาให้แล้ว! ระดมนักวิชาการ ไขข้อข้องใจ "ซีเซียม-137" กระจ่างทุกประเด็นจากกรณีซีเซียม-137ที่ติดตั้งอยู่ภายในแท่งเหล็กบนไซโลหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจ.ปราจีนบุรีก่อนจะมีการแถลงว่าตรวจพบรังสีซีเซียม-137บริเวณโรงหลอมโลหะแห่งหนึ่งในพื้นที่มีการตรวจพบฝุ่นแดงซีเซียม-137จนเกิดข้อสงสัยมากมายว่าแท่งที่หายไปถูกหลอมแล้วจริงหรือไม่และจะเกิดอันตรายอย่างไรต่อประชาชนวันนี้ รายการโหนกระแสระดมนักวิชาการด้านรังสีและนิวเคลียร์มาร่วมถกประเด็นต่างๆเพื่อไขข้อสงสัยให้ประชาชนโดยSanookNewsได้สรุปประเด็นต่างๆ ดังนี้ซีเซียมและซีเซียม-137คืออะไรรศ.ดร.เจษฎาเด่นดวงบริพันธ์อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า“ซีเซียม”จริงๆเป็นแร่ตามธรรมชาติแต่พอดัดแปลงไอโซโทปให้มันปลดปล่อยรังสีออกมากลายเป็น“ซีเซียม-137”ติดตั้งไว้ในอุปกรณ์วัดระดับติดไว้ในไซโลโรงไฟฟ้าเพื่อวัดระดับขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขณะที่ดร.รุ่งธรรมทาคำผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกล่าวว่าแท่งเหล็กที่มีการแชร์กันว่ามันหายไปจากโรงไฟฟ้าจริงๆมันคืออุปกรณ์วัดระดับซึ่งซีเซียมบรรจุเป็นแคปซูลสเตนเลสอยู่ภายในโดยมีตะกั่วเคลือบสองชั้นสำหรับดูดซับรังสีจากซีเซียมหากไม่ถูกแกะแงะจนซีเซียมที่บรรจุอยู่ภายในหลุดออกมาก็ถือว่าไม่มีอันตรายอะไรด้านนายธาราบัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยชี้ว่าซีเซียมเป็นวัสดุกัมมันตรังสีเป็นวัสดุอันตรายพอมันถูกบรรจุในกระบอกเหล็กแบบนี้มันก็คงไม่เป็นอะไรแต่ถ้าถูกแกะถูกแงะให้ซีเซียมภายในหลุดออกมาก็จะอันตรายจริงอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดแต่เราก็ต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไปเพราะซีเซียมเคยถูกเอาไปทำDirtyBombในสงครามคือเอาสารกัมมันตรังสีไปใส่ไว้ในระเบิดเมื่อระเบิดแล้วรังสีกระจายออกไปก็จะทำให้คนป่วยแท่งเหล็กที่หายไปถูกหลอมจริงไหมณเวลานี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าฝุ่นแดงซีเซียม-137ที่ตรวจเจอที่โรงหลอมเป็นเพราะการหลอมแท่งเหล็กที่หายไปหรือไม่มันยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่าใช่แน่ๆแต่ถ้าไม่ใช่ก็ยิ่งน่ากลัวเพราะแปลว่ามีแท่งเหล็กอันที่2ถูกหลอมไปแล้วไม่ได้มีแค่แท่งเดียวที่หายไปขณะที่คำว่า“ฝุ่นแดง”ที่ถูกเรียกกันติดปากจริงๆมันเป็นคำที่ใช้ในโรงงานโดยทั่วไปอยู่แล้วเกิดจากการหลอมโลหะทั่วๆไปแล้วเกิดตะกรันสนิมต่างๆมันกลายเป็นฝุ่นสีแดงไม่ได้หมายความว่าเจอฝุ่นแดงแล้วจะปนเปื้อนกัมมันตรังสีเผาโลหะที่ไหนก็เกิดฝุ่นแดงทั้งนั้นขณะที่ ดร.รุ่งธรรมทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติบอกว่าเรามีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่ถูกหลอมในโรงหลอมใช่แท่งที่หายไปหรือไม่และถ้าไม่ใช่ก็ต้องไปตามหาแท่งที่หายไปให้เจอโดยเร็วที่สุดอันตรายแค่ไหนควรกังวลหรือไม่ผศ.ดร.นภาพงษ์พงษ์นภางค์นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติโฟนอินเข้ามาให้ความรู้ว่าปกติธาตุกัมมันตรังสีที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมจะมีความแรงของรังสีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลเคสในบ้านเราจะน้อยกว่าเชอร์โนบิลปริมาณ57ล้านเท่าด้วยความที่ปริมาณมันน้อยขนาดนี้สำหรับเคสที่เกิดในบ้านเราตอนนี้ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่ากังวลว่ามันจะแพร่กระจายไปในวงกว้างขนาดนั้นยกเว้นว่าได้รับหรือสัมผัสในระยะใกล้เช่นว่าไปกอดมันไว้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบไหม้แต่ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่อันตรายเลยถ้าสรุปให้เข้าใจง่ายๆถ้าสิ่งที่ถูกหลอมเป็นแท่งเหล็กนี้จริงๆคนที่จะได้รับผลกระทบคือคนที่อยู่ใกล้ชิดตอนที่มันถูกหลอมหรือสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปแต่กรณีทีมันแพร่กระจายออกไปด้วยปริมาณรังสีที่น้อยขนาดนี้มันจะถูกเจือจางตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้มีอะไรน่ากังวลสิ่งปนเปื้อนจัดการอย่างไรนายกิตติ์กวินอรามรุญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสีโฟนอินเข้ามาแจ้งว่าขยะโลหะ24ตันที่พบในโรงหลอมที่พบว่ามีการปนเปื้อนซีเซียมในปริมาณน้อยโลหะเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในพื้นที่ที่ปลอดภัยขณะที่การเก็บตัวอย่างดินน้ำอากาศ ก็ไม่พบการปนเปื้อนรังสีแต่อย่างใดส่วนที่มีข่าวลือว่าถุงบิ๊กแบ็กต่างๆที่ปนเปื้อนรังสีในโรงหลอมถูกเอาไปฝังดินก็ไม่เป็นความจริงยืนยันว่าการปนเปื้อนเกิดในพื้นที่จัดเก็บทั้งหมดไม่มีการรั่วไหลหรือหลุดรอดออกมาภายนอกแน่นอนใครต้องรับผิดชอบดร.รุ่งธรรมชี้ว่าประเทศเรามีกฎหมายบังคับเพื่อป้องกันวัตถุเหล่านี้ไม่ให้สูญหายอยู่ผู้ที่ครอบครองวัตถุวัสดุรังสีจะต้องทำบัญชีตรวจสอบแจ้งมาที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติทุกๆปีเพื่อป้องกันไม่ให้วัตถุเหล่านี้มันหายซึ่งเหตุการณ์นี้ที่เรารู้ว่าแท่งเหล็กนี้มันหายไปก็เพราะโรงไฟฟ้าเขาทำบัญชีตรวจสอบตามรอบปีแล้วเจอว่าของอยู่ไม่ครบถึงได้รู้ว่ามันหายไปและเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาซึ่งตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าทางโรงไฟฟ้าที่ครอบครองแท่งเหล็กนี้จะมีความผิดฐานใดบ้างกรณีที่ทำให้แท่งเหล็กนี้หายไปถอดบทเรียนขณะที่นักวิชาการทั้ง3ท่านมองตรงกันว่าสิ่งที่ต้องทำให้ชัดตอนนี้ที่ทางภาครัฐต้องไขข้อสงสัยให้ได้คือแท่งที่ถูกหลอมไปคือแท่งที่หายไปตอนแรกจริงไหมถ้าใช่จนกลายเป็นฝุ่นแดงไปแล้วก็ถือว่าสบายใจไปได้ระดับหนึ่งส่วนเรื่องเตาหลอมของโรงหลอมดังกล่าวมันเป็นระบบปิดจริงไหมควันฝุ่นต่างๆไม่รั่วไหลออกมาข้างนอกจริงไหมมีการกรองตามมาตรฐานจริงไหมอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดรศ.ดร.เจษฎาเล่าว่าหลังจากทราบว่าแท่งเหล็กดังกล่าวหายไปตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของหายแต่มันคือเรื่องวิกฤตนิวเคลียร์ควรเป็นเรื่องใหญ่หน่วยงานต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อจัดการเร่งด่วนแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลยรศ.ดร.เจษฎายังชี้อีกว่าสิ่งที่น่ากังวลคือคนไทยไม่รู้ความน่ากลัวของเครื่องหมายนิวเคลียร์ใบพัด3ตัวนี้เลยหรือปกติถ้าแท่งเหล็กนี้หล่นลงมาจากปล่องไซโลคนงานในโรงงานก็ต้องสะดุ้งแล้วแล้วคนที่เก็บขายก็ควรต้องสะดุ้งคนที่รับซื้อของเก่าก็ต้องสะดุ้งแต่ปรากฎว่าเรื่องนี้ไม่มีใครสะดุ้งเลยนายธาราบัวคำศรี  ผู้อำนวยการกรีนพีซประเทศไทยยังกล่าวถึงการแถลงข่าวของภาครัฐเมื่อวานนี้ว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับภาครัฐที่มาตั้งโต๊ะแถลงแล้วกลับได้รับผลตอบรับจากประชาชนในทางที่ไม่ดีนักอยากให้มองว่าประชาชนเขาสงสัยและตั้งคำถามบางครั้งอาจจะมีความไม่พอใจหรืออาจจะกล่าวโทษรัฐอยากให้ทางภาครัฐเองอย่าไปตอบโต้แต่ให้เอาเหตุผลเอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาอธิบายทำให้เขาเข้าใจทำให้เขาสิ้นสงสัยด้วยข้อมูลที่เป็นความจริง...